รถสปอร์ต McLaren 750S

McLaren 750S -The Drive - Americas.Las Vegas, NV. February 2024 - McLaren_750S-TheDrive-Americas-0319.JPG

แม็คลาเรน 750S อาจจะดูเผินๆ แล้วว่าไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก แต่มีการเปลี่ยนแปลงไปประมาณ 30% ซึ่งรวมถึงพละกำลังที่เพิ่มขึ้นเป็น 740 แรงม้า การควบคุมที่ดีขึ้น และเสียงเครื่องยนต์ที่ดุดันยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยยกระดับประสิทธิภาพให้เหนือกว่ารุ่นก่อนอย่าง 720S อย่างเห็นได้ชัด เมื่อทดสอบที่สนามลาสเวกัส มอเตอร์ สปีดเวย์ 750S แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น โดยสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 2.7 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 332 กิโลเมตร/ชั่วโมง การติดตั้งยาง Pirelli P Zero Trofeo R แบบพิเศษและสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ที่ขยายออก ช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะและแรงกดอากาศลงไปที่ตัวรถ การควบคุมรถนั้นยอดเยี่ยมขึ้น โดยเฉพาะในโหมดสนามแข่งแต่โหมด Dynamic จะปลดล็อกด้านที่ดุร้ายกว่า ช่วยให้สามารถดริฟท์ได้อย่างคล่องแคล่ว ฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้แก่ ระบบการยึดเกาะรอบเครื่องยนต์สูงสุดขณะลดเกียร์ และประสิทธิภาพการเบรกที่ดีขึ้น ในขณะที่ 750S เพิ่มความน่าตื่นเต้นด้วยระบบ Launch Control และการทำงานของเกียร์ที่ดีขึ้น แต่มันก็ยังตามหลังการควบคุมที่เฉียบคมของ 765LT ข้อกังวลยังคงอยู่เกี่ยวกับชื่อเสียงด้านความน่าเชื่อถือของแม็คลาเรนและการออกแบบห้องผู้โดยสารที่เรียบง่าย แม้จะมีการเพิ่ม Apple CarPlay เข้ามา แต่โดยรวมแล้วรุ่น750S ยังคงต่อยอดจุดเด่นของรุ่นก่อนๆและนำเสนอความมีประสิทธิภาพและความสามารถที่หลากหลายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของแม็คลาเรน

จากบทความโดย Basem Wasef

The McLaren 750S may not appear radically different at first glance, but with around 30 percent of it being new, including a power boost to 740 hp, improved handling, and a more aggressive engine note, it offers significant enhancements over its predecessor, the 720S. Tested on the Las Vegas Motor Speedway, the 750S showcases increased performance, with a faster acceleration from zero to 60 mph in 2.7 seconds and a top speed of 206 mph. The addition of optional Pirelli P Zero Trofeo R tires and an enlarged rear spoiler contribute to improved grip and downforce. The car’s handling is refined, especially in Track mode, but Dynamic mode unleashes a wilder side, allowing for abundant oversteer and drifts. New features include an engine redline hold during downshifting and improved braking performance. While the 750S adds some theatricality with launch control and enhanced transmission function, it still falls short of the snappy handling of the 765LT. Concerns remain about McLaren’s reliability reputation and the spartan cockpit design, despite the addition of Apple CarPlay compatibility. Overall, the 750S builds on its predecessor’s strengths, offering versatility and capability in McLaren’s lineup.

From the article by Basem Wasef

Share on

Published 7th April 2024
×