หูฟังระดับไฮเอนด์ Meze Empyrean II

สำหรับการ “ฟัง" เสียงอย่างใกล้ชิดและละเอียดลออ หูฟังคุณภาพเยี่ยมสามารถเผยรายละเอียดอันแยบยลและความประณีตที่ลำโพงอาจพลาดไปได้ โดยแต่ละรุ่นของหูฟังจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันในด้านต่างๆ เช่น การตอบสนองต่อสัญญาณชั่วขณะ ความโปร่งใส เสียงเบส หรือความแม่นยำของน้ำเสียง ทำให้ผู้ฟังต้องเลือกตามความชื่นชอบ

ในแวดวงของหูฟังระดับไฮเอนด์ ขณะนี้มีทั้งความหลากหลายและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากขึ้นกว่าที่เคยมีมา ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1960 หูฟังแบบ electrostatic ครองใจนักฟังเสียงจริงจัง อย่างไรก็ตาม ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เทคโนโลยีอื่นๆ เช่น planar dynamics และ ribbons ก็ได้รับการพัฒนาอย่างมาก กลายเป็นคู่แข่งสำคัญของแบรนด์ดั้งเดิมอย่าง Stax และ Sennheiser

Meze Audio บริษัทที่น่าจับตามองในตลาดนี้ ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 โดย Antonio Meze ในโรมาเนีย Meze ได้รับชื่อเสียงจากการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์และประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม ในปี 2018 Meze เริ่มต้นร่วมมือกับ Rinaro Isodynamics บริษัทจากยูเครนผู้เชี่ยวชาญด้านไดรเวอร์แม่เหล็กแบบ planar magnetic ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาหูฟังรุ่น Meze Empyrean II ในราคา $3,000

Meze Audio‘s Empyrean II headphones. MEZE AUDIO

Empyrean II มีน้ำหนักเบาเพียง 385 กรัม โดดเด่นด้วยโครงคาร์บอนไฟเบอร์อันเพรียวบาง ที่รองศีรษะหนังแท้ ทรงหูฟังแบบ circumaural ครอบทั้งใบหู ตัวเปลือกหูฟังผลิตจากอลูมิเนียม ผ่านการตัดด้วยเครื่อง CNC พร้อมช่องระบายอากาศดีไซน์ Art Deco เพิ่มความสวยงาม

Meze และ Rinaro ตั้งเป้าหมายที่จะปรับปรุงการออกแบบที่มีอยู่เดิมด้วยเทคโนโลยี Isodynamic Hybrid Array Driver ซึ่งประกอบด้วยตัวแปลงสัญญาณรูปไข่ที่ครอบทั้งช่อง โดยใช้คอยล์เสียงแบบ switchback และ spiral-shaped ร่วมกันในเมทริกซ์เดียว เพื่อส่งคลื่นเสียงไปรอบๆ ใบหูได้อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ เทคโนโลยี MZ3 Hybrid Magnet Array ซึ่งวางแม่เหล็กนีโอไดเมียมไว้สองด้านของแผ่นกั้น Isoplanar ที่ได้รับสิทธิบัตรของ Rinaro ยังช่วยยกระดับประสิทธิภาพ แผ่นกั้นนี้เป็นเมมเบรนโพลิเมอร์น้ำหนักเบา เคลือบด้วยชั้นนำไฟฟ้า มีน้ำหนักเพียง 0.16 กรัม ประกบอยู่ระหว่างพลาสติก ABS ที่ผสมใยแก้วเจาะรู

ผลลัพธ์ที่ได้คือประสบการณ์เสียงที่สมบูรณ์ โดย Empyrean II ผสมผสานความโปร่งใส ความเร็ว และรายละเอียดของหูฟังแบบอิเล็กโสถสถิต เข้ากับพลังเสียงเบสของไดรเวอร์แบบไดนามิกทั่วไป หูฟังรุ่นนี้มีช่วงความถี่ที่น่าประทับใจตั้งแต่ 8 Hz ถึง 110,000 Hz แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะได้ยินได้เพียง 20,000 Hz เท่านั้น แต่ด้วยช่วงความถี่ที่กว้าง Empyrean II ยังคงให้เสียงที่สมดุล ไม่แหลมหรือเสียดหู ซึ่งเป็นข้อเสียของหูฟังไฮเอนด์บางรุ่น

Total harmonic distortion (THD) หรือความเพี้ยนทางฮาร์โมนิกส์ แทบจะไม่มีอยู่จริง วัดได้น้อยกว่า 0.05% ตลอดทั้งช่วงความถี่ ด้วยค่า impedance 32 ohm และค่าความไว 105 dB ที่ 1V  ส่งผลให้ Empyrean II สามารถขับเสียงได้ดังถึง 130 dB SPL อย่างไรก็ตาม การฟังเสียงดังเป็นเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อประสาทหูได้

ความสบายในการสวมใส่เป็นสิ่งสำคัญ โดย Empyrean II มาพร้อมกับ earpad สองแบบ ทั้งคู่ผลิตจากวัสดุ Alcantara สัมผัสคล้ายหนังกลับ รุ่น Duo มีการตกแต่งฐานด้วยหนังสีดำ ส่วนรุ่น Angled Alcantara เน้นการเผยรายละเอียดของเสียงดนตรีได้มากยิ่งขึ้น ทั้งสองแบบนี้ ติดกับตัวหูฟังด้วยระบบแม่เหล็ก ช่วยให้ถอดเปลี่ยนได้ง่าย โดยไม่ต้องใช้ตัวเชื่อมแบบเดิม

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเสียงใส คมชัด แยกชิ้นดนตรีได้อย่างแม่นยำ หูฟัง Stax SR-X9000 แบบอิเล็กโตรสแตติก อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่า Empyrean II เป็นเท่าตัว และต้องใช้ร่วมกับเครื่องขยายเสียงเฉพาะรุ่น ต่างจาก Empyrean II ที่มีสายเคเบิล Mini XLR ให้เลือกถึง 10 แบบ เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ

Ten optional cable choices are available to connect the ‘phones via a Mini XLR to a variety of terminations.
MEZE AUDIO

เพื่อการพกพาและจัดเก็บ Empyrean II มาพร้อมกับเคสกันกระแทก บุด้วยโฟม สะท้อนให้เห็นถึงความพิถีพิถัน และความแม่นยำในการผลิต หูฟังรุ่นนี้ ไม่ได้มุ่งเน้นแค่คุณภาพเสียงเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงประสบการณ์การใช้งานโดยรวม ผสมผสานทั้งความสบาย การออกแบบ และเทคโนโลยีอันยอดเยี่ยม

จากบทความโดย Robert Ross

When it comes to an intimate, close-up “look" into a recording, good headphones can reveal intricate details and refinements that speakers might miss. Each pair of headphones can offer different strengths in areas like transient response, transparency, bass extension, or timbral accuracy, making it essential for listeners to choose based on their preferences.

In the realm of state-of-the-art headphones, there has never been more variety and technological advancement. Since the 1960s, electrostatic models have been the top choice for critical listeners. However, in the past decade, other technologies like planar dynamics and ribbons have also made significant strides, providing competition to traditional designs from brands like Stax and Sennheiser.

One notable company in this space is Meze Audio, founded in 2011 by Antonio Meze in Romania. Meze gained a reputation for their novel designs and excellent performance. In 2018, Meze began collaborating with Rinaro Isodynamics, a Ukrainian company specializing in planar magnetic drivers, resulting in the development of the Meze Empyrean II, a $3,000 headphone model.

Weighing in at a relatively light 385 grams (13.5 oz), the Empyrean II features a sleek carbon-fiber frame and leather headrest supporting oval transducer housings with circumaural earcups. The CNC-milled aluminum housings with Art Deco-inspired perforated metal grilles add to the headphones’ aesthetic appeal.

The CNC-milled aluminum housings feature black metal grilles with arched perforations.
MEZE AUDIO

Meze and Rinaro aimed to improve upon existing designs with their Isodynamic Hybrid Array Driver technology. This involves an oval transducer that occupies the entire driver enclosure, combining switchback and spiral-shaped voice coils in a single matrix to propagate sound more naturally around the ear. The MZ3 Hybrid Magnet Array, which places neodymium magnets on either side of Rinaro’s patented Isoplanar diaphragm, further enhances performance. This diaphragm is a featherweight polymer membrane with a conductive layer weighing just 0.16 g, all sandwiched between perforated, fiberglass-infused ABS plastic.

The result is a holistic sonic experience where the Empyrean II combines the transparency, speed, and detail of electrostatics with the bass authority of conventional dynamic drivers. The headphones boast an impressive frequency response from 8 Hz to 110,000 Hz, although most humans can only hear up to 20,000 Hz. Despite this wide range, the Empyrean II remains balanced, avoiding the bright or biting sound characteristic of some high-end models.

Total harmonic distortion (THD) is virtually inaudible at less than 0.05 percent across the entire frequency range. With a 32-ohm rating and a sensitivity of 105 dB at 1V, the Empyrean II can deliver up to 130 dB SPL, although sustained exposure to such high levels can be damaging to hearing.

Comfort is crucial for long-term listening, and the Empyrean II offers two styles of earpads, both finished in suede-like Alcantara: the Duo, which adds black leather on the base half, and the Angled Alcantara pads, which reveal even greater musical detail. Both options attach magnetically, making them easy to swap without physical connectors.

For those seeking the ultimate in detail resolution, the Stax SR-X9000 electrostatic headphones might be a better choice, although they are more than double the price of the Empyrean II and require a dedicated amplifier. The Empyrean II offers ten optional cable choices to connect via a Mini XLR to various terminations.

For travel and storage, the Empyrean II comes with a molded, foam-lined shockproof case, underscoring its precision and remarkable accuracy. These headphones are not just about sound quality but also about a holistic user experience, blending comfort, design, and technical excellence.

From the article by Robert Ross

The Empyrean II headphones showcase the patented Isodynamic Hybrid Array Driver technology from Ukraine’s Rinaro Isodynamics.
MEZE AUDIO
Share on

Published 21st May 2024
×