คนรวยทั่วโลกกำลังแห่ไปใช้เงินที่ไหน? ดูเหมือนว่าจะเป็นที่สิงคโปร์
“เมืองสิงโต" หรือสิงคโปร์ ขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 ของเมืองที่ค่าครองชีพสำหรับคนรวยแพงที่สุดในโลก จากรายงานประจำปีของ Julius Baer Group บริษัทที่ปรึกษาการลงทุนด้านความมั่งคั่งของสวิสเซอร์แลนด์ โดยฮ่องกง ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 จากอันดับ 3 ในปีที่แล้ว ตามรายงานของสำนักข่าว Bloomberg
สิงคโปร์ยังคงดึงดูดเหล่าเศรษฐี HNWI ด้วยความมั่นคงทางการเมือง เศรษฐกิจ และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ แต่ในขณะเดียวกัน สิงคโปร์ก็ครองแชมเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกสำหรับสินค้าฟุ่มเฟือย ไม่ว่าจะเป็น เครื่องประดับ รองเท้า แม้แต่ค่าใช้จ่ายพื้นฐานอย่างอาหาร ค่ารักษาพยาบาล และค่าการศึกษา ชาวสิงคโปร์เองก็ต้องจ่ายเงินจำนวนมากในด้านเหล่านี้เช่นกัน
รายงานระบุว่า “ผลลัพธ์ของปีนี้แสดงให้เห็นว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดทั่วโลกได้กลายเป็น new normal อย่างไรก็ตาม ภาวะเงินเฟ้อ ค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรง ยังคงส่งผลต่อราคาสินค้าและลำดับความสำคัญต่างๆ ทั่วโลก”
ดัชนี Julius Baer Lifestyle Index จัดอันดับเมืองต่างๆ โดยอาศัยปัจจัยหลายประการ สะท้อนต้นทุนการใช้ชีวิตของคนรวย ซึ่งคำนวณจากราคาของสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ นาฬิกา รถยนต์ กระเป๋าแบรนด์เนม รายงานนี้พบว่า ฮ่องกงเป็นเมืองที่แพงเป็นอันดับสองสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ และเป็นเมืองที่ค่าจ้างทนายความแพงที่สุด ในขณะเดียวกัน เซี่ยงไฮร่วงลงจากอันดับ 3 มาอยู่อันดับ 4 เช่นเดียวกับอีกหลายเมืองใหญ่ในเอเชีย โดยเฉพาะโตเกียว กรุงเทพมหานคร และจาการ์ตา ล้วนตกลงมาในอันดับที่ต่ำลงด้วย
ลอนดอน ขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ซึ่งแซงหน้าขึ้นมา 1 อันดับจากปี 2023 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินปอนด์ที่อ่อนลงหลัง Brexit ที่น่าสนใจคือ เมืองอื่น ๆ ในยุโรปที่ติดอันดับ ล้วนขยับอันดับขึ้นเช่นเดียวกัน รวมถึงซูริซ ที่ไต่ขึ้นมาอยู่อันดับ 6 ทั้งภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ที่เคยเป็นภูมิภาคที่มีค่าครองชีพสำหรับคนรวยถูกที่สุด กลับกลายเป็นภูมิภาคที่แพงที่สุดในปีนี้ เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนและมูลค่าของสกุลเงินบางประเทศที่อ่อนลง
รายงานปีนี้ชี้ให้เห็นว่า “ค่าเงินมีผลกระทบอย่างมาก" Christian Gattiker หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Julius Baer กล่าวอธิบายในรายงาน “ลองดูโตเกียวเป็นตัวอย่าง เมืองที่เคยขึ้นชื่อเรื่องความแพงสุดๆ ในช่วงทศวรรษ 1990 แต่ค่าเงินเยนที่อ่อนลงอย่างต่อเนื่องแสดงให้เห็นว่าสิ่งต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้"
ราคาเฉลี่ยในทวีปอเมริกาเหนือและใต้เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับ 12 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะค่าห้องสวีทในโรงแรมแพงขึ้น 34% และแชมเปญแพงขึ้น 27% อย่างไรก็ตาม เมืองต่างๆ อย่างนิวยอร์กและไมอามี่กลับตกอันดับลงไป ขณะที่เม็กซิโกซิตี้ ขึ้นจากอันดับ 16 มาสู่ที่ 21 เนื่องจากเงินเปโซที่แข็งค่า คุณสามารถดูอันดับ 10 อันดับแรกด้านล่างได้
เมืองที่แพงที่สุดในโลกสำหรับสินค้าฟุ่มเฟือย
1. สิงคโปร์
2. ฮ่องกง
3. ลอนดอน
เ4. ซี่ยงไฮ้
5. โมนาโก
6. ซูริค
7. นิวยอร์ก
8. ปารีส
9. เซาเปาโล
10. มิลาน
จากบทความโดย Abby Montanez
Where are big spenders feeling the urge to splurge? Singapore, it would seem.
The so-called Lion City has topped the list of the 25 most expensive metropolises in the world for luxury living yet again, according to a new annual report by Swiss wealth manager Julius Baer Group. Hong Kong, meanwhile, moved up to the No. 2 spot after coming in third last year, Bloomberg reported.
Singapore’s political and economical strength, as well as its business-focused environment, have continued to attract high-net-worth individuals. As for spending, the locale is the costliest city for buying goods such as jewelry and shoes. Residents are also dropping hefty sums on dining, health care, and education.
“As this year’s results show, the impact of the global pandemic has settled into a ‘new normal.’ However, inflation, rising living costs, and increased geopolitical tensions continue to impact prices and priorities globally," the report said.
The Julius Baer Lifestyle Index ranking is based on several factors and takes into account assets like real estate, watches, cars, handbags, and other luxury items. For example, the survey found that Hong Kong is second-most expensive city for buying property and the costliest for hiring a lawyer. Shanghai dropped from third to fourth place along with multiple other Asian cities. Most notably, Tokyo, Bangkok, and Jakarta also fell in the rankings.
London took the third spot in a one-position leap from 2023, partly because of the post-Brexit pound. Interestingly, every other European city on the list also moved up the ranking, including Zurich, which landed in sixth. As a whole, Europe, the Middle East, and Africa went from being the most affordable region to the most expensive this time around, due to exchange rates and the poor performance of certain currencies.
“This year’s report shows that currencies matter a lot," Christian Gattiker, head of research at Julius Baer, explained in the report. “Take Tokyo as an example. This used to be the poster child of an ultra-expensive city in the 1990s. However, the steady decline of the yen has shown how this can change."
Average prices in the Americas have risen by 6 percent compared to 12 months ago, with the cost of hotel suites up 34 percent and Champagne up 27 percent. However, cities including New York and Miami have dropped in the ranking, while Mexico City leapfrogged from 16th to 21st place due to the strength of the peso. You can check out the top 10 ranking below.
Most Expensive Cities Globally for Luxury Goods
1. Singapore
2. Hong Kong
3. London
4. Shanghai
5. Monaco
6. Zurich
7. New York
8. Paris
9. São Paulo
10. Milan
From the article by Abby Montanez