คนมักจะพูดกันว่า นักชิมไวน์รุ่นเก่าดื่มไวน์ตามแหล่งที่มา ในขณะที่คนรุ่นใหม่ดื่มตามสายพันธุ์องุ่น รุ่นก่อน ๆ มักจะเลือกไวน์อย่างเบอร์กันดีหรือบอร์โดซ์ โดยมักไม่รู้ว่าเป็นองุ่นพันธุ์อะไร แต่เดี๋ยวนี้ ผู้คนนิยมสั่งไวน์เป็นแก้ว โดยระบุว่าเป็น Pinot Noir หรือ Merlot และมักไม่ค่อยสนใจว่าองุ่นนั้นปลูกมาจากที่ไหน ยกเว้นในอิตาลีเหนือ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้ยินใครสั่งหาไวน์ที่ทำจากองุ่นพันธุ์ Corvina จนกระทั่งถึงตอนนี้
องุ่นหลักในไวน์ Amarone della Valpolicella DOCG และ Valpolicella DOC คือ Corvina ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องรสชาติสดของเชอร์รี่และราสเบอร์รี่ พร้อมกลิ่นช็อกโกแลตและเครื่องเทศ ไวน์ Amarone della Valpolicella ต้องมีองุ่น Corvina 45-95% โดย Corvinone (ซึ่งเป็นญาติใกล้เคียงของ Corvina) 50% และ Rondinella 5-30% กระบวนการผลิตที่เรียกว่า appassimento คือการอบแห้งองุ่น ทำให้ไวน์ Amarone มีรสชาติเข้มข้นและมีแอลกอฮอล์สูง ซึ่งอาจกลบลักษณะความละเอียดอ่อนขององุ่น Corvina
Sergio Zenato ผู้ก่อตั้งโรงไวน์ Zenato ใน Valpolicella ได้ผลิตไวน์ Corvina พันธุ์เดียวเป็นครั้งแรกในปี 2004 โดยตั้งชื่อว่า Cresasso เขาสร้าง Zenato Corvina Veronese IGT ขึ้นมาเพื่อแสดงศักยภาพขององุ่น Corvina Claudia Zenato กล่าวว่า “Cresasso คือเครื่องบรรณาการของเราแด่ผืนดินและองุ่นพื้นเมืองอันสำคัญและโดดเด่นที่สุดของ Valpolicella และไร่องุ่น Costalunga ของเรา" Cresasso ถูกบ่มในถังไม้โอ๊คฝรั่งเศสเป็นเวลาสองปี และบ่มต่อในขวดอีกหนึ่งปี ก่อนที่จะวางจำหน่าย ในขณะที่ไวน์ Amarone ของ Zenato นั้น มีองุ่น Corvina ที่ผ่านการอบแห้งอยู่ 80% และบ่มในถังไม้โอ๊คเป็นเวลาสามปี
ทาง Allegrini ก็ผลิตไวน์ Corvina ระดับไฮเอนด์เช่นกัน อย่างตัว Allegrini La Poja Corvina Veronese IGT ซึ่งเน้นการคัดเลือกองุ่นอย่างพิถีพิถัน ควบคุมอุณหภูมิระหว่างการหมักก่อนบ่ม Francesco Allegrini เรียกไวน์นี้ว่า “ภาพลักษณ์ที่แท้จริงของไร่องุ่นในปีนั้น" ซึ่งแตกต่างจาก Amarone ของเขาที่ใช้วิธีการอบแห้งองุ่น (appassimento)
เมื่อคุณได้ดื่มไวน์ Corvina คุณจะสัมผัสได้ถึงรสชาติของเชอร์รี่ ราสเบอร์รี่ โกโก้ ลูกจันทน์เทศ และพริกไทยดำ พร้อมกลิ่นดินอ่อนๆ ไวน์ชนิดนี้เข้ากันได้ดีกับเนื้อวัวหรือเนื้อแกะย่าง ชีสเข้มข้น รากูหมูป่า ริซอตโต้ เห็ด หรือพาสต้าเห็ดทรัฟเฟิล ผู้ผลิตที่น่าสนใจ ได้แก่ Cesari, Tinazzi, Scriani, Cantine de Ora และ Scaia ไวน์จาก Zenato และ Allegrini สามารถเก็บได้นานถึง 20 ปี ในขณะที่ไวน์ที่ราคาสบายกระเป๋าควรดื่มภายใน 5 ปี
แน่นอน เราคาดว่าจะมีไวน์ Corvina พันธุ์เดียว นอกเหนือจาก DOC หรือ DOCG วางจำหน่ายมากขึ้น เนื่องจากเทรนด์ของไวน์ที่มีความเข้มข้นสูงและแอลกอฮอล์สูงกำลังลดลง ยุคใหม่ของวงการอาหารได้เบิกทางให้ผู้คนหันมาชื่นชอบไวน์สไตล์ที่ดื่มง่ายขึ้น ดังที่ Nadia Zenato กล่าวไว้ว่า “Corvina Veronese เป็นรากฐานสำคัญของไวน์ชั้นเลิศอย่าง Amarone แต่ยังสามารถแสดงเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้แม้ในรูปแบบพันธุ์เดียว โดยมีแนวทางสไตล์ที่ทันสมัยและเป็นสากล"
จากบทความโดย Mike DeSimone และ Jeff Jenssen
It’s been said that older wine lovers drink regions while the younger set drinks varieties. Previous generations chose a Burgundy or Bordeaux, often without knowing the primary variety, but now people are ordering a glass of Pinot Noir or Merlot, often not caring where the grapes were grown. It would almost be impossible outside of northern Italy to overhear anyone asking for Corvina. Until now.
The main grape in both Amarone della Valpolicella DOCG and Valpolicella DOC wines, Corvina is known for its fresh flavors of cherry and raspberry with notes of chocolate and spice. Amarone della Valpolicella must comprise between 45 and 95 percent Corvina, with Corvinone accounting for 50 percent, and Rondinella between 5 and 30 percent. Produced using a drying process called appassimento, Amarone offers boldly concentrated flavors and high alcohol that may mask Corvina’s delicate nature.
Sergio Zenato, founder of Zenato in Valpolicella, made his first vintage of single-varietal Corvina in 2004, naming it Cresasso. He created Zenato Corvina Veronese IGT to show Corvina’s potential. Claudia Zenato says, “Cresasso represents our tribute to the land and to the most important and representative native grape variety of Valpolicella and our Costalunga Estate." Cresasso is aged in French oak for two years and one more in bottle before release, while Zenato Amarone contains 80 percent dried Corvina and is aged for three years in barrel.
Allegrini also produces high-end Corvina with its Allegrini La Poja Corvina Veronese IGT, relying on rigorous grape selection and temperature-controlled fermentation prior to aging. Francesco Allegrini calls it a “true snapshot of a vineyard in that specific year," as opposed to his Amarone, which undergoes the appassimento process.
Expect flavors of cherry, raspberry, cocoa, nutmeg, and black pepper with hints of earthiness in a glass of Corvina. It pairs well with grilled beef or lamb, strong cheeses, wild boar ragu, risotto with mushrooms, or pasta with truffles. Producers to look for include Cesari, Tinazzi, Scriani, Cantine de Ora, and Scaia. Bottles from Zenato and Allegrini will age for up to 20 years, while more accessible pours are best drunk within five.
We expect more non-DOC or DOCG single varietal Corvina as the trend for highly concentrated, high alcohol wine declines. The modern age of gastronomy has ushered in a thirst for more elegant styles of wines. As Nadia Zenato points out, “Corvina Veronese is the backbone of a great wine such as Amarone but can express its own character even in single varietal form, with a modern and international stylistic approach."
From the article by Mike DeSimone and Jeff Jenssen