แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิสอย่าง Bianchet ได้เปิดตัวนาฬิกา “Flying Tourbillon Grande Date" และ “Flying Tourbillon Sport GMT" รุ่นใหม่ในแบบ Hybrid Gold การผสานทองคำ 18K, คาร์บอนความหนาแน่นสูง และผงไทเทเนียมเข้าไว้ด้วยกันเป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นการยกระดับความสวยงามของนาฬิกาเรือนนี้ที่ผลิตขึ้นอย่างประณีต บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นของ Bianchet ในการใช้วัสดุพรีเมี่ยมและเทคโนโลยีขั้นสูง โดยผสมผสานความหรูหราของทองคำเข้ากับความทนทานและน้ำหนักเบาของคาร์บอนไฟเบอร์ไว้ในการออกแบบ นาฬิกาทั้งสองรุ่นนี้ยังคงเอกลักษณ์ของทูร์บิยอง ซึ่งผ่านการขัดแต่งด้วยมือ เพื่อการบอกเวลาที่แม่นยำไร้ที่ติ
Hybrid Gold
Hybrid Gold
ตัวเรือนของนาฬิกา “Hybrid Gold" รุ่นใหม่ โดดเด่นด้วยกรอบตัวเรือน, เม็ดมะยม, และฝาหลังตัวเรือน ที่ผลิตจากทองคำ 18K ขัดแต่งอย่างพิถีพิถัน ทั้งแบบด้านเพื่อโชว์เนื้อวัสดุ และแบบเงา (polished) เพื่อเพิ่มความหรูหรา ส่วนที่เหลือของตัวเรือน ผลิตจากวัสดุคอมโพสิตคาร์บอนสูตรพิเศษของ Bianchet “Titanium-Dust-High-Density-Carbon" ซึ่งเป็นการนำเส้นใยคาร์บอนมาอัดแน่นประมาณ 500 ชั้น สลับกับการใส่ชั้นของผงไทเทเนียมเข้าไปทุกๆ 2 ชั้น ทำให้ได้วัสดุที่แข็งแรง เบา และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เม็ดมะยมทองคำ ประดับด้วยการ์ดคาร์บอน เพื่อเพิ่มการปกป้อง ขณะเดียวกันก็ออกแบบให้ หยิบจับได้ง่าย นาฬิกา “Hybrid Gold Grande Date" และ “Sport GMT" รุ่นนี้ ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความหรูหรา ใส่ใจในงานฝีมืออันประณีต และชื่นชมวัสดุเทคโนโลยีขั้นสูง การนำทองคำ 18K มาผสมผสานกับตัวเรือนคาร์บอน เสริมความหรูหรา ให้กับนาฬิกาเรือนนี้ได้อย่างลงตัว
นาฬิกาเรือนแรกคือ “Flying Tourbillon Grande Date” นาฬิกาหน้าปัดทรงถัง ที่ได้รับรางวัลนาฬิกา Startup ยอดเยี่ยมจากงาน International Temporis Award การออกแบบตัวเรือนโดดเด่นด้วยเส้นสายที่สะอาดตา และรูปลักษณ์อันหรูหราโดยยึดหลักสัดส่วนทองคำที่มีค่าเท่ากับ 1.618 ภายในตัวเรือน บรรจุกลไกทูร์บิยองแบบฟลายอิ้ง ที่ผ่านการ Skeletonized ซึ่งออกแบบ ผลิต และประกอบโดย Bianchet เอง ภายในโรงงานที่ La Chaux-de-Fonds, Switzerland ฟังก์ชั่นวันที่ขนาดใหญ่ เผยให้เห็นกลไกการทำงานของปฏิทินแบบ openwork ชิ้นส่วนที่ละเอียดอ่อนประดับตกแต่งด้วยมืออย่างพิถีพิถัน สะพานตัวเรือนผลิตจากไทเทเนียม ออกแบบโค้งรับตามหลักเกลียวฟีโบนักชี ขอบตัวเรือนตกแต่งด้วยเหลี่ยมมุมที่ผ่านการขัดแต่งด้วยมือตัวเครื่อง ทำงานด้วยความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง (vph) สำรองพลังงานได้ 90 ชั่วโมง เมื่อไขลานเต็ม ด้านข้างของหน้าปัด มีหน้าปัดย่อยสองข้างทำหน้าที่บอกเวลา ประดับด้วยบล็อก Superluminova เรือนเวลานี้เปิดตัวครั้งแรกในงาน Geneva Watch Days เมื่อเดือนสิงหาคม 2023 โดดเด่นด้วยความกลมกลืน และสมดุลตามธรรมชาติ ด้วยกลไกนาฬิกาที่มีความซับซ้อน จัดเรียงอย่างสมมาตร
ต่อมาคือ “Flying Tourbillon Sport GMT” เปิดตัวในเดือนมีนาคม 2024 เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความหลากหลายและความคิดสร้างสรรค์ของ Bianchet ไฮไลท์ของรุ่นนี้คือ ฟังก์ชั่น GMT สองเวลา ซึ่งสามารถแสดงเวลาสองโซนได้พร้อมกัน หน้าปัด GMT แบบ 24 ชั่วโมง มีลูกโลกหมุนได้ สะท้อนถึงความเหมาะสมสำหรับนักเดินทางตัวยง ด้วยตัวชี้บอกฟังก์ชั่นการทำงานของเม็ดมะยม การไขลานและการตั้งเวลาท้องถิ่นหรือเวลาอ้างอิง ทำได้ง่ายและรวดเร็ว เช่นเดียวกับรุ่นก่อน Sport GMT ยังคงมีสำรองพลังงาน 90 ชั่วโมง ทำให้เป็นเพื่อนคู่ใจที่เชื่อถือได้สำหรับนักผจญภัยที่ออกสำรวจดินแดนใหม่ ๆ แม้ว่าดีไซน์ของรุ่นนี้จะดูทันสมัยและสปอร์ต แต่ยังคงยึดมั่นในงานนาฬิกาแบบสวิสดั้งเดิม ตัวเครื่องและชิ้นส่วนของตัวเรือนผ่านการขัดแต่งและประกอบด้วยมืออย่างพิถีพิถัน การตกแต่งลวดลายนั้นใช้พู่กัน และชิ้นส่วนต่างๆ เช่น เข็มชี้บอกเวลาที่ทำจากวัสดุเรืองแสง ก็ถูกนำไปติดตั้งด้วยมือ ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียด และความมุ่งมั่นในคุณภาพของ Bianchet
นาฬิกา “Hybrid Gold" ทั้งสองรุ่น มาพร้อมสายนาฬิกา 2 เส้น (สีดำและสีขาว) ผลิตจากยางธรรมชาติที่ผ่านกระบวนการวัลคาไนซ์ ตัวเรือนของนาฬิกา สามารถกันน้ำได้ 10 ATM และกันแรงกระแทกได้ 5,000 Gs เหมาะสำหรับสวมใส่ทำกิจกรรมทางน้ำ
นาฬิกา “Hybrid Gold" รุ่นใหม่นี้ สามารถเข้าไปชมได้ที่โชว์รูมของ Bianchet เมือง Neuchâtel ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และจะมีวางจำหน่ายตามร้านค้าตัวแทนทั่วโลกตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2024 เพื่อค้นหาร้านค้าตัวแทน สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ bianchet.com
Swiss watchmaker Bianchet announces the new Hybrid Gold edition of the Flying Tourbillon Grande Date and Flying Tourbillon Sport GMT. These timepieces feature the unprecedented union of 18-carat gold, high-density carbon, and titanium powder—materials that enhance the physical appeal of these meticulously crafted watches. Adhering to its commitment to premium and high-tech materials, Bianchet has incorporated the preciousness of gold with the durability and lightness of carbon fiber in the design. With the signature Tourbillon, the two hand-finished pieces deliver impeccable accuracy.
The case of the new Hybrid Gold edition features a gold bezel, crown, and case back with a meticulous brushed and polished finish. The rest of the case is constructed from Bianchet’s proprietary carbon composite, Titanium-Dust-High-Density-Carbon, made of approximately 500 compressed layers of carbon fibers infused with titanium powder between every two layers. The gold crown features a carbon guard for added protection and ergonomic access. Designed for those with an eye for refinement, craftsmanship expertise, and an appreciation for high-tech materials, the Hybrid Gold Grande Date and Sport GMT command attention with the lustrous addition of 18K solid gold.
The first variant, the Flying Tourbillon Grande Date, is a tonneau-shaped watch that won the International Temporis Award for Best Startup Watch. It solidified the house’s design ethos with clean lines and a sophisticated look based on the golden ratio (1.618). Inside the case is the in-house skeletonized Flying Tourbillon movement, designed, crafted, and assembled by Bianchet in La Chaux-de-Fonds, Switzerland. The big date complication showcases the calendar’s openwork mechanism and intricate pieces, which are hand-decorated to perfection. The titanium bridges, which follow the curved construction based on the Fibonacci spiral, are embellished with hand-beveled edges. The caliber operates at 21,600 vibrations per hour with a 90-hour power reserve when the barrel is fully wound. The two suspended flanges supporting Superluminova blocks are placed on each side of the dial. Launched at the Geneva Watch Days in August 2023, this timepiece conveys harmony and natural balance with its symmetrically aligned horology complications.
The Flying Tourbillon Sport GMT, released in March 2024, is a testament to Bianchet’s versatility and innovation. Its highlight is the dual-time GMT function that simultaneously shows two time zones. The 24-hour GMT dial features a rotating Earth dome, reflecting the timepiece’s embrace of the globetrotter. With an intuitive crown-function indicator, winding and setting the local or reference time is quick and easy. Like its predecessor, the Sport GMT also holds a 90-hour power reserve, making it a reliable partner for adventurers exploring new territories. While a modern, sporty look defines the aesthetic of this timepiece, it remains rooted in traditional Swiss watchmaking. The movement and case parts are meticulously finished and assembled by hand, decorations are applied with a paintbrush, and pieces like the hour indicators made of luminescent material are placed by hand, highlighting Bianchet’s attention to detail and commitment to quality.
Both the Hybrid Gold models come with two straps (black and white) made of vulcanized natural rubber. These timepieces are suitable for water activities, with a water resistance of 10 ATM and shock resistance of 5000 Gs.
The new Hybrid Gold edition can be viewed in the Bianchet Showroom in Neuchâtel, Switzerland. It will be available in August 2024 at retailers worldwide. To find a retailer, visit bianchet.com.
ABOUT BIANCHET
Bianchet is a Swiss luxury watchmaker that unites age-old design principles, ultramodern style, cutting-edge materials, high performance, and traditional Haute Horlogerie techniques to create exceptional tourbillon timepieces. With a passion for fine watchmaking and an eye for style, the brand’s founders embrace beauty with incredible attention to detail. At the same time, mathematical principles such as the Golden Ratio are integral to the brand’s designs. Specializing in tourbillon watches, Bianchet prides itself on its accuracy. With its in-house, proprietary flying-tourbillon calibers and premium technological materials, the brand is a trailblazer in modern Swiss watchmaking. Every detail in a Bianchet watch is imbued with passion and love for design, Haute Horlogerie, and technology—from the shapes, colors, materials, and finishing to the sophisticated micro-engineering horological complications.
