Bugatti ได้เพิ่มสถิติความเร็วสูงสุดอีกหนึ่งรายการในลิสต์ความสำเร็จของพวกเขา
ค่ายรถยนต์หรูจากฝรั่งเศส ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีว่า Mistral ได้บรรลุเป้าหมายในการเป็นรถเปิดประทุนที่เร็วที่สุดในโลก โดยรุ่นที่ใช้เป็นพื้นฐานมาจาก Chiron ไม่ได้เพียงแค่ทำลายสถิติเดิมเพียงเล็กน้อย แต่กลับทำลายสถิติอย่างสิ้นเชิง
เมื่อ Bugatti เปิดตัว Mistral ในช่วงฤดูร้อนปี 2022 พวกเขาทำให้เห็นชัดเจนว่ารถคันนี้จะเป็นรถยนต์ที่สำคัญ ไม่เพียงแต่จะเป็นโรดสเตอร์ยุค Chiron รุ่นแรกเท่านั้น แต่ยังถูกสร้างขึ้นด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนในการครองตำแหน่งรถเปิดประทุนที่เร็วที่สุดในโลก และตอนนี้ หลังจากผ่านไปเพียงสองปี บริษัทก็ได้ทำตามสัญญา
สถิติถูกทำลายเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่สนามทดสอบยานยนต์ ATP Papenburg ในประเทศเยอรมนี โดย Mistral รุ่นพิเศษที่ขับโดย Andy Wallace นักทดสอบของ Bugatti และอดีตแชมป์ 24 Hours of Le Mans สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 453.91 กม./ชม. หรือ 282 ไมล์ต่อชั่วโมง ขณะขับรอบสนาม 7.6 ไมล์ ความเร็วนี้เร็วกว่าสถิติเดิมของ Hennessey Venom GT Spyder ในปี 2016 ถึง 16.4 ไมล์ต่อชั่วโมง และเร็วกว่าการประมาณการเบื้องต้นของ Mistral ที่ 261 ไมล์ต่อชั่วโมง ถึง 21 ไมล์ต่อชั่วโมง
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ Mistral สามารถทำลายสถิติความเร็วสูงสุดสำหรับรถเปิดประทุนได้ เครื่องยนต์ W-16 ของ Bugatti ได้รับการยกย่องว่าเป็นเครื่องยนต์ในตำนานนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกใน Veyron ในปี 2005 เครื่องยนต์ 8.0 ลิตรของโรดสเตอร์รุ่น 1-of-99 คู่กับเกียร์คลัตช์คู่ 7 สปีด และให้กำลัง 1,578 แรงม้า และแรงบิด 1,180 ปอนด์-ฟุต โรดสเตอร์ที่ทรงพลังนี้ไม่เพียงแค่เร็วเท่านั้น แต่ยังเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 62 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายใน 2.5 วินาที
Mistral เป็น Bugatti คันที่สี่ที่ทำลายสถิติความเร็วสูงสุด ในปี 2019 Chiron Super Sport 300+ ที่ขับโดย Wallace ก็กลายเป็นรถยนต์ผลิตจำนวนมากที่เร็วที่สุดตลอดกาล เมื่อทำความเร็วได้ 304.77 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นสถิติโลกที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ก่อนหน้านั้น Veyron 16.4 Grand Sport Vitesse World Record Edition และ Veyron 16.4 Super Sport World Record Edition ก็เคยทำลายสถิติความเร็วสูงสุดมาก่อน
จากบทความโดย Bryan Hood\
Bugatti
Bugatti can add another top-speed record to its list of accomplishments.
The French marque announced Thursday that the Mistral had achieved its goal of becoming the world’s fastest open-top road car. The Chiron-based model didn’t barely beat the old record, either—it demolished it.
When Bugatti pulled back the curtain on the Mistral in the summer of 2022, it made clear the car was going to be important. Not only would the first Chiron-era roadster be the final model to feature the company’s trademark W-16, but it was also built with the explicit goal of being crowned the world’s open-top road car. And now, a little over two years later, the company has delivered on that promise.
The record was set November 9 at the ATP Automotive Testing Papenburg track in Germany. It was there that a one-off Mistral piloted by Bugatti test driver and former 24 Hours of Le Mans winner Andy Wallace managed to reach a top speed of 453.91 km/h, or 282 mph, while circling the 7.6-mile circuit. That speed was 16.4 mph faster than the 265.6 mph top speed posted by the previous record holder, the Hennessey Venom GT Spyder, in 2016. The Mistral’s top speed is also 21 mph faster than the conservative estimate of 261 mph that was announced at the model’s unveiling.
It shouldn’t be that surprising that the Mistral was able to break the top speed record for an open-top car. Bugatti’s W-16 has come to be viewed as a legendary engine since it debuted in the first Veyron in 2005. The 1-of-99 roadster’s 8.0-liter mill is mated to a seven-speed dual-clutch transmission and pumps out a staggering 1,578 horses and 1,180 ft lbs of twist. The potent roadster isn’t just fast, either, it’s also quick, able to rocket from zero to 62 mph in just 2.5 seconds.’
The Mistral is the fourth Bugatti to achieve a major top speed record. In 2019, a Chiron Super Sport 300+ also driven by Wallace became the fastest production car of all time when it reached 304.77 mph, an official mark that still stands today. Previous speed records have been held by the Veyron 16.4 Grand Sport Vitesse World Record Edition and before that by the Veyron 16.4 Super Sport World Record Edition.
From the article by Bryan Hood
