“เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ ดา วิตตอริโอ กรุ๊ป ในการเปิดตัวห้องอาหารดาฟ มาเร่ ในช่วงเวลาที่เรากำลังมองหาพันธมิตรที่สามารถตีความนำสมัย มีรสนิยมในบรรยากาศสบายๆ ไม่อึดอัดของสเปลนดิโด มาเร่ และนำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบแคชวลไดนิง (casual dining) ที่สร้างสรรค์และมีวิสัยทัศน์เราพบว่าครอบครัว เชรีอา (Cerea) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังคือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ เราได้ร่วมกันสร้างดาฟ มาเร่ขึ้นมาให้เป็นแหล่งนัดพบที่ผู้คน ต้องการมากที่สุดสำหรับการสังสรรค์ระหว่างเพื่อนและครอบครัว เพื่อสัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารที่รื่นรมย์ ผ่านเมนูต่างๆ ที่รังสรรค์ขึ้นโดยทีมครัวมากความสามารถ" โรเบิร์ต โคเรน (Robert Koren – SVP EMEA, Belmond)) รองประธานอาวุโส ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาของเบลมอนด์กล่าว
ดาฟ มาเร่ ก่อตั้งขึ้นเพื่อนำเสนอวัตุดิบที่ดีที่สุดของฤดูกาลที่หาได้ภายในท้องถิ่น ปลา และอาหารทะเลสดๆ จากอ่าวพอร์โตฟีโน (Portofino) คือวัตถุดิบหลักของเมนูอาหาร รวมไปถึงรสชาติแบบดั้งเดิมของแคว้นเช่น คัพพอน (Cappon – สลัดอาหารทะเลใส่ผัก) ที่นำมาตีความใหม่และนำเสนออย่างสร้างสรรค์เมนูซิกเนเจอร์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกจากห้องอาหารในเครือดา วิตตอริโอ อาทิ พัคเครี อัลลา วิตตอริโอ (Paccheri alla Vittorio – พัคเครี สไตล์วิตตอริโอ) เมนูพาสต้าเสิร์ฟกับซอสมะเขือเทศแสนอร่อยที่ปรุงสดๆ บนโต๊ะต่อหน้าแขกก็จะถูกบรรจุลงในเมนู พร้อมกับเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาใหม่ เช่น รีซอตโต้เสิร์ฟพร้อมเพสโต้ (Risotto with Pesto) และกุ้งซานต้า มาร์เกริต้า ลีกูเร่ (Santa Margherita Ligure)
“เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งครอบครัวเชรีอากล่าวถึงโอกาสนี้ว่า “เมื่อ 55 ปีก่อน คราวที่เราเปิด ดา วิตตอริโอร้านอาหารร้านแรกของเราที่แบร์กาโม่ (Bergamo) เรานำอาหารทะเลไปเสิร์ฟที่แคว้นลอมบาร์ดี (Lombardy) มาถึงตอนนี้ 50 ปีผ่านไป เราจะได้มีโอกาสนำ ความรู้และทักษะด้านอาหารของเรากลับมายังชายฝั่งทะเลเป็นครั้งแรกและเติมเต็มความฝันของครอบครัว“
“เช่นเดียวกับเบลมอนด์เราหลงใหลในความเรียบง่ายและแนวทางร่วมสมัยในการนำสิ่งดั้งเดิมขึ้นมานำเสนอใหม่ เรามีความยินดีเป็นที่สุดที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับเบลมอนด์ และตั้งตารออย่างปิติถึงการทำงานกับพันธมิตรที่สร้างแรงบันดาลใจนี้"
มรดกของครอบครัว
ห้องอาหาร ดา วิตตอริโอ แห่งแรกเปิดขึ้นในปี 1966 โดยวิตตอริโอ เชเรอา ในเมืองแบร์กาโม่ และได้รับรางวัลมิชลินสามดาวในปี 2010 ขณะนี้ห้องอาหารเป็นธุรกิจครอบครัวที่บริหารจัดการโดยบรูน่า (Bruna) ภรรยาของวิตตอริโอและลูกๆ ได้แก่ลูกชายทั้ง 3 คน เอนริโก้ (Enrico), โรแบร์โต้ (Roberto) และฟรานเชสโก้ (Francesco) และลูกสาว 2 คน โรเซลลา (Rossella) และบาร์บาร่า (Barbara) ดาวิตตอริโอ กรุ๊ป บริหารห้องอาหารระดับดาวมิชลิน 2 แห่งในเซี่ยงไฮ้และเซนต์ มอริตซ์ รวมไปถึงเกสต์เฮ้าส์ขนาด 10 ห้องที่บรูซาพอร์โต (Brusaporto) และโรงแรมในอาคารประวัติศาสตร์ที่แบร์กา โมอัลต้า (Bergamo Alta) ในภาคเหนือของอิตาลีวิสัยทัศน์ของ ดา วิตตอริโอ ในด้านอาหารสไตล์ลอมบาร์ดีและอัจฉริยะในการสร้างสรรค์ส่งให้อาหารอิตาเลียนยังคงวิวัฒน์และได้รับการพัฒนาไปอย่างไม่สิ้นสุดจนถึงทุกวันนี้ผ่านทักษะและความชำนาญด้านการทำครัวของครอบครัว
เชฟหัวหน้าครัว
พ่อครัวใหญ่ทั้งสามคือ เอนริโก้และโรแบร์โต้ เชเรอา และเปาโล โรต้า นำความชำนาญและความสร้างสรรค์มาผนวกกับ ความรู้ท้องถิ่นและทักษะของโรแบร์โต้ วิลล่า (Roberto Villa) พ่อครัวใหญ่ของสเปลนดิโด มาเร่ ทั้งสี่เน้นการใช้วัตถุดิบที่ดี ที่สุดที่จะหาได้ในท้องถิ่น และวิธีการปรุงอาหารที่เรียบง่ายเพื่อขับเน้นรสชาติโดยเน้นไปที่หลักการสโลวฟู้ด (slow food – การปรุงอาหารอย่างพิถีพิถันจากวัตถุดิบในท้องถิ่น) ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี
เอนริโก้ ‘คิกโก้’ เชรีอา (Enrico ‘Chicco’ Cerea) เริ่มสนใจในอาหารสไตล์ต่างๆ ทั่วโลกตั้งแต่อายุยังน้อยและมักหาโอกาสเรียนรู้เรื่องอาหารแบบต่างๆ ของโลกอยู่เสมอ ประสบการณ์จากการท่องเที่ยวมากมายมอบความรู้และความชำนาญด้านวัตถุดิบที่ดีที่สุดของโลกให้กับคิกโก้ ที่เขานำมาผสานรวมกับทักษะและสูตรอาหารที่ตกทอดมาจากพ่อ โรแบร์โต้ ‘โบโบ้’ เชรีอา (Roberto ‘Bobo’ Cerea) ก็เป็นอีกหนึ่งในสมาชิกครอบครัวที่หลงไหลในอาหารและได้มีโอกาสฝึกงานในร้านอาหารมากมายในหลายประเทศ เทคนิคการทำครัวอันประณีตของเขาถูกนำมาสร้างสรรค์เป็นเมนูอาหารเย้ายวนใจและน่ารับประทาน โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารสไตล์เมดิเตอเรเนียนแบบดั้งเดิม
ด้านเปาโล โรต้า (Paolo Rota) ที่เริ่มทำงานกับครอบครัว ดา วิตตอริโอ มาตั้งแต่ปี 1990 ขณะที่อายุเพียง 24 ปี มีทั้งความหลงใหลในอาหารและความใฝ่รู้ วิตตอริโอ เชเรอามองเห็นแววความสามารถของเขาและส่งเขาไปฝึกฝนและเรียนรู้จากร้านอาหารระดับโลก มากมายเช่น ลาซาร์เต้ (Lasarte) ในแคว้นบาสก์ (Basque Country) ที่บริหารโดยเชฟมาร์ติน เบราซาเตกุย (Martin Berasategui) เจ้าของดาวมิชลินมากมาย และในประเทศอังกฤษกับมิเชล รูซ์ (Michael Roux) เปาโลทำงานร่วมกับคิกโก้และโบโบ้ผู้เป็นพี่ชายของภรรยา และทั้งสามเป็นหัวใจสำคัญผู้อยู่เบื้องหลังทุกการสร้างสรรค์ของดา วิตตอริโอ
พ่อครัวใหญ่โรแบร์โต้ วิลล่า ทำงานที่สเปลนดิโด มาเร่ มานาน 20 ปีและเป็นชาวพอร์โตฟีโน่ขนานแท้กว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา เชฟโรแบร์โต้พัฒนาความรู้และความชำนาญด้านอาหารท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์อันดีกับชาวประมงท้องถิ่นและซัพพลายเออร์เพื่อนำวัตถุดิบที่สดที่สุดและดีที่สุดมาสู่ครัว
แล้วพบกันที่ เดอะ มาเร่
ดาฟ มาเร่ ได้รับการออกแบบตกแต่งภายในโดยเฟสเทน อาร์คิเทคเจอร์ (Festen Architecture) สะท้อนความหรูหรามีรสนิยมที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย อันเป็นธีมหลักของการตกแต่งห้องพักเปี่ยมเสน่ห์ทั้ง 14 ห้องของสเปลนดิโด มาเร่ กับ รายละเอียดที่สะท้อนถึงจุดเริ่มต้นที่เรียบง่ายของอ่าวทำประมง ผสานกับความโก้หรูตามแบบฉบับศิลปะในยุค 1950’s ที่ทำให้แขกผู้มาเยือนรู้สึกผ่อนคลายและยังรับรู้ได้ถึงประวัติศาสต์และจิตวิญญาณของโรงแรมได้ในเวลาเดียวกัน ดาฟ มาเร่ ตั้งอยู่กลางจตุรัสพอร์โตฟีโน่และมีส่วนที่นั่งของร้านอาหารทั้งภายในตัวอาคารและกลางแจ้ง นำเสนอบริการชั้นเลิศและบรรยากาศที่เชิญชวนให้ใช้เวลาผ่อนคลายไปกับมื้ออาหารเลิศรส รายล้อมไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติ อันเป็นเอกลักษณ์ของพอร์โตฟีโน่ ตามแบบฉบับวิถีชีวิต ลาโดลเช วีต้า (La Dolce Vita –ชีวิตอันหอมหวาน) แบบอิตาเลียนอย่างแท้จริง
https://www.belmond.com/hotels/europe/italy/portofino/belmond-splendido-mare/dav-mare