หลังจากความสำเร็จของโปรเจคเตอร์รุ่นแรก Leica กำลังเปิดตัวรุ่นใหม่ที่เล็กและกะทัดรัดยิ่งขึ้น
Cine Play มีขนาดเล็กแต่มาพร้อมกับฟังก์ชันสุดครบครัน ภายนอกที่เรียบง่ายทำจากอลูมิเนียมสีเข้มและกระจกในสไตล์ Bauhaus ซึ่งสามารถนำไปตกแต่งให้เข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ภาพของมันน่าจะน่าประทับใจไม่แพ้กัน เพราะระบบเลเซอร์สุดล้ำที่มอบภาพคุณภาพ 4K สำหรับหน้าจอขนาดใหญ่สุด 300 นิ้ว เลเซอร์ RGB ของโปรเจคเตอร์จะแสดงภาพที่คมชัด สว่าง และเป็นธรรมชาติ พร้อมคอนทราสต์คุณภาพสูงเพื่อความลึกที่แม่นยำ คุณสมบัติทั้งหมดเหล่านี้ถูกกรองผ่านเลนส์ซูม Summicron อันเป็นเอกลักษณ์ของ Leica
แต่มันไม่ใช่แค่เรื่องคุณภาพของภาพเท่านั้น Leica กล่าวว่าเสียงก็เป็นส่วนสำคัญของประสบการณ์การรับชมเช่นกัน ลำโพง Watt ในตัวเครื่องถูกประกอบเข้ากับโปรเจคเตอร์เพื่อมอบเสียงที่ชัดเจนพร้อมเบสที่น่าประทับใจ หากคุณต้องการใช้ Cine Play เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของระบบเสียงเซอร์ราวด์ 3D โปรเซสเซอร์สัญญาณเสียง DTS Virtual:X ก็สามารถทำให้การตั้งค่านี้เป็นเรื่องง่าย
หนึ่งในจุดแข็งที่โดดเด่นที่สุดของ Cine Play คือความอเนกประสงค์ เนื่องจากขนาดเล็กและน้ำหนักเบา จึงสามารถเคลื่อนย้ายและนำไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการดูหนังขณะเพลิดเพลินกับกองไฟนอกบ้านหรือพักผ่อนบนเตียงพร้อมของว่างมากมาย Leica ได้ออกแบบ Cine Play ให้สามารถเสียบปลั๊กได้เกือบทุกที่
แน่นอน หากคุณสนใจที่จะติดตั้งโปรเจคเตอร์ของไว้อย่างถาวร ในการณ์นี้ Leica ก็ได้จัดเตรียมไว้เช่นกัน แท่นวางพื้น (แบบขายแยก) ออกแบบในสไตล์มินิมอล รองรับทั้งประสิทธิภาพของโปรเจคเตอร์และบทบาทด้านสุนทรียศาสตร์ในการออกแบบ ระบบติดต่อแบบพินบูรณาการช่วยลดการใช้สายไฟแบบเดิมๆ (และลดโอกาสในการสะดุด) โดยเลือกที่จะรับพลังงานผ่านฐาน
Leica Cine Play สามารถสั่งซื้อได้บนเว็บไซต์ของแบรนด์ ราคา 3,795 ดอลลาร์ และแท่นวางพื้นราคา 495 ดอลลาร์
จากบทความโดย Martin Lerma
After the success of its first projector, Leica is launching a new, even more compact model.
The Cine Play, as its name might suggest, has a small footprint but doesn’t skimp on functionality. Its clean exterior is made from a combination of dark aluminum and glass in a Bauhaus-inspired style that can easily blend into different settings. Its picture should be just as impressive thanks to a system of state-of-the-art lasers that ensure 4K quality for screen sizes up to 300 inches. According to the brand, projector’s RGB lasers will render a crisp, bright and natural picture with high-quality contrasts for accurate depth. All of these features are filtered through one of Leica’s signature Summicron zoom lenses.
But it’s not just about picture quality. Leica says that sound is also an integral part of the viewing experience; built-in Watt speakers aim to provide clear audio with an impressive bass to boot. If you’re looking to use the Cine Play as part of a 3-D surround sound system, a DTS Virtual:X audio-signal processor makes for a simple setup.
One of Cine Play’s strongest appeals will be it versatility. Due to its small size and light weight, it can be maneuvered and taken to different locations with minimal fuss. Feel like watching a movie while enjoying a campfire outside or cozying up in bed with ample snacks? Leica has designed the Cine Play to be plugged in just about anywhere.
Of course, if you’re interested in making your projector setup a bit more permanent to outfit, say, a dedicated home theater, Leica has seen to that as well. A floor stand (sold separately) designed in the same minimal style supports both the performance of the projector as well as its aesthetic role as a design object. The integrated pin contact system eliminates the need for traditional power cables (and the likelihood of tripping over them) opting instead to receive energy through its baseplate.
Leica’s Cine Play can be ordered on the brand’s website. It retails for $3,795 and its coordinating floor stand is $495.
From the article by Martin Lerma