PIAGET ALTIPLANO ULTIMATE CONCEPT TOURBILLON 150TH ANNIVERSARY PUSHING THE LIMITS OF ULTRA-THIN MASTERY

เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสสำคัญในปี 2024  เมซงเพียเจต์ได้นำเสนอผลงานสร้างสรรค์ชิ้นเด่น ที่เตรียมยกให้เป็นจารึกบทใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมนาฬิกา

  • 150 ปี นับตั้งแต่งเมซงก่อตั้งขึ้น
  • 67 ปี นับตั้งแต่เปิดตัวกลไกตัวแรกที่สร้างความฮือฮาด้วยความเพรียวบางเป็นพิเศษอย่าง กลไก 9P ในปี 1957
  • 6 ปี หลังจากสร้างสถิติใหม่ด้วยการเปิดตัวเรือนเวลาระบบกลไกที่บางที่สุดในโลก ในชื่อ Altiplano Ultimate Concept จนเป็นที่พูดถึงอย่างมากในปี 2018 

ปีนี้เมซงเผชิญความท้าทายเพื่อเอาชนะทุกขีดจำกัดอีกครั้ง ด้วยผลลัพธ์แห่งความสำเร็จที่ตราตรึงด้วยรายละเอียดอันสง่างามและความคิดสร้างสรรค์ในมุมมองใหม่ที่แม้ดูเผินๆ นาฬิกาที่ไม่มีใครเทียบได้นี้ นำเสนอความบาง ที่ 2 มม. เทียบเท่าเรือนเวลารุ่นก่อน แต่ความลับที่ซุกซ่อนในความบางเฉียบที่จำกัด กลับถูกเติมเต็มด้วยความสลับซับซ้อนของ
ฟลายอิ้ง ตูร์บิญอง และนี่คือ Altiplano Ultimate Concept Tourbillon เรือนเวลาที่สะท้อนรากเหง้าแห่งศาสตร์และเทคนิคอันเชี่ยวชาญ ขณะเดียวกันก็เป็นอีกหนึ่งไมล์สโตนที่ทรงคุณค่าและภาคภูมิใจของเมซง

Altiplano Ultimate Concept Tourbillon คือ ความขบถและขัดแย้งในตัวเอง อีกทั้งเป็นเรือนเวลาที่ขึ้นชื่อว่าทลายขีดจำกัดในวงการการผลิตนาฬิกาอย่างแท้จริง จุดเริ่มต้นของหน้าประวัติศาสตร์ครั้งใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นนับจากนี้

มาในตัวเรือนขนาด 41.5 มม. พร้อมความสามารถกันน้ำได้ลึก 20 เมตร รังสรรค์ด้วยวัสดุที่ถูกพัฒนาให้แข็งและทนทานมากกว่าทองคำถึง 2.3 เท่า อย่าง โคบอลต์ผสมอัลลอยด์ ส่งผลให้ตัวเรือนไม่โค้งงอแม้จะมีความบางอย่างสุดขั้วก็ตาม เคลือบด้วยพีวีดีสีน้ำเงิน

แม้เมซงตั้งใจออกแบบมาให้สวมใส่ได้ทุกวัน แต่องค์ประกอบที่ยกระดับให้นาฬิกาเวอร์ชั่นใหม่นี้ดูไม่ธรรมดาคือ
การบรรจุฟลายอิ้ง ตูร์บิญอง เข้าไปในตัวเรือนที่มีความหนาเพียง 2 มม. โดยจัดวางในโครงสร้างวงกลมที่โอบล้อมไว้ด้วยบริดจ์อีกหนึ่งชั้น กล่าวได้ว่าเป็นการปฏิวัติทางเทคนิคที่ก้าวล้ำจากในปัจจุบันโดยสิ้นเชิง เสริมความซิกเนเจอร์ด้วยการสลักข้อความลงบนฝาหลัง หล่อหลอมจิตวิญญานที่ขับเคลื่อนเพียเจต์มาตั้งแต่แรกเริ่มอย่าง “Always do better than necessary" ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมของเมซง ที่รังสรรค์ชิ้นงานบนพื้นฐานของผู้คน การช่างคิดช่างประดิษฐ์ การร่วมมือกันของแผนกต่างๆ จิตวิญญาณอันหาญกล้านี้คือกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความท้าทายของความเพรียวบางจนแทบไม่น่าเชื่อ ที่รอให้ทุกคนมาพิสูจน์พร้อมกัน

 

THE ATELIERS DE L’EXTRAORDINAIRE

อย่างที่เกริ่นไว้ว่า Altiplano Ultimate Concept Tourbillon มีความหนาเพียง 2 มม. ไม่มีแม้แต่ 1 ไมครอนที่เพิ่มเข้ามา แต่เมซงต้องเผชิญกับความท้าทายในการสำรองพลังงานถึง 25 % สำหรับการทำงานของตูร์บิญอง

จำนวนเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงชุดตัวเลขเท่านั้น อีกนัยนึงมันคือการประกาศความสำเร็จของเมซง ซึ่งแน่นอนว่าเบื้องหลังเหล่านั้นมีเรื่องราวมากมายซ่อนอยู่: การแข่งขันกับเวลา ที่ทุกขั้นตอนดำเนินการอย่างเป็นความลับภายในโรงงานของเพียเจต์ ณ La Côte-aux-Fées ใช้เวลากว่า 3 ปีในทำงานร่วมกันอย่างหนักของเหล่าทีมนักพัฒนา วิศวกร ช่างนาฬิกา นักออกแบบ เพื่อตั้งประเด็น หาข้อโต้แย้งนับไม่ถ้วน

ฟังก์ชั่นอันซับซ้อนของตูร์บิญอง ถูกหยิบมาใช้ในเรือนเวลาคลาสสิกอย่างแพร่หลาย สำหรับเพียเจต์เองในครั้งนี้เป็นการยกระดับมุมมองที่ใหม่ขึ้นทั้งในแง่ชั้นเชิงเทคนิคและสุนทรียศาสตร์ที่ยังคงรักษาประเพณีดั้งเดิมของเมซงไว้ ไม่ว่าจะเป็น ความชำนาญและความเป็นเลิศที่บ่มเพาะมาอย่างยาวนาน ถูกนำมาใช้เพื่อส่งมอบความเที่ยงตรงและแม่นยำขั้นสูง ขณะเดียวกันความสง่างามของนาฬิกาก็ยังต้องคงอยู่

ตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์ภายนอก องค์ประกอบของชิ้นส่วนต่างๆ กว่า 90 % ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด รวมถึงพัฒนากลไก เพื่อให้รับกับฟังก์ชั่นตูร์บิญองที่เพิ่มเข้ามา

Benjamin Comar ผู้เป็น CEO ของเพียเจต์ กล่าวว่า “ภายใน Altiplano Ultimate Concept Tourbillon ทุกอย่างใหม่หมด ชิ้นส่วนต่างๆ ถูกปรับแต่ง ออกแบบ จากประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญนานร่วมหลายปี – สำหรับเรามันไม่ใช่แค่การเพิ่มตูร์บิญองเข้ามาเท่านั้น แต่มันคือการคิดค้นใหม่ทุกอย่าง"

 

LIFE FORCE

ย้อนกลับไปปี 2018 Altiplano Ultimate Concept (AUC) คือ หลักฐานที่ตอกย้ำถึงความพยายามที่ทุกแผนกในเมซงแห่งนี้ต่อสู้ร่วมกันมานานกว่า 6 ปี พ่วงด้วยความสำเร็จขั้นสุดด้วยการคว้ารางวัลใหญ่ “Aiguille d’Or" Grand Prix จากรายการ GPHG 2020 ทุกขั้นตอนจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยความท้าทายที่ยากจะคาดเดา เพื่อส่งมอบผลลัพธ์ที่เพรียวบางสุดขั้วที่ทุกคนตั้งตาคอย

อย่างไรก็ตาม หลังจากนาฬิกา AUC เรือนแรกถูกส่งมอบได้สำเร็จ เหล่าช่างผู้เชี่ยวชาญในเมซงต่างเริ่มคาดการณ์ถึงทิศทางของเรือนเวลาที่จะรังสรรค์รุ่นต่อไปว่าจะเป็นเช่นไร พวกเขาจะทำอะไรได้บ้างเพื่อยกระดับความท้าทายไปอีกขั้น

ซึ่งเบื้องหลังการออกแบบเรือนเวลารุ่นล่าสุดอย่าง Altiplano Ultimate Concept Tourbillon นี้ ก็สรรสร้างขึ้นจาก
แรงบันดาลที่เปี่ยมล้นไม่แพ้ตอนเปิดตัวกลไก 9P และ 12P ไปจนถึงนาฬิการุ่นก่อนหน้า อย่าง Altiplano Ultimate (900P or 910P) และ  Altiplano Ultimate Concept – แนวคิดใหม่ๆ ถูกระดมต่อเนื่อง ก่อนนำไปต่อยอดเพื่อใช้งานจริง ดังนั้นหากถามว่าการบรรลุเป้าหมายแต่ละครั้งต้องผ่าฟันอะไรมาบ้าง คำตอบคือไม่มีอะไรที่ได้มาโดยง่าย

ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณความมุ่งมั่นตั้งแต่แรกเริ่มกับแนวคิดอันแสนขบถของแบรนด์ที่ลงมือทำจนสำเร็จ อย่าง คาลิเบอร์ 900P ที่ให้ฝาหลังทำหน้าที่เป็นฐานรองรับกลไกไปในตัว เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับการจัดวางชิ้นส่วนต่างๆ พร้อมสร้างสถิติความเพรียวบางอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในเวลาเดียวกัน ขณะที่โครงสร้างภายนอกทำจากโคบอลต์ผสมอัลลอยด์ เคลือบสีน้ำเงิน ที่ส่งมอบทั้งความทนทานและความบางสุดขั้ว – เม็ดมะยมระบบใหม่ที่หลอมรวมเป็นระนาบเดียวกับตัวเรือน ทำงานร่วมกับอุปกรณ์พิเศษที่มีระบบทดเกียร์และควบคุมแรงบิด เติมเต็มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับกระบอกสูบ 

 

REVOLUTION

องค์ประกอบต่างๆ ยังคงรักษาการจัดวางไว้ในตำแหน่งเดิม ไม่ว่าจะเป็น หน้าปัดที่แสดงหลักชั่วโมงและนาทีเป็นดีไซน์แบบเยื้องศูนย์กลาง, ฟังก์ชั่นตูร์บิญอง ณ ตำแหน่ง 10 นาฬิกา มาพร้อมตัวแสดงวินาทีที่สลักไว้บนวงแหวนของตัวเอง
ที่สำคัญที่สุดคือการรักษาความเพรียวบางที่ 2 มม. ดังนั้นชิ้นส่วนเล็ก ๆ ทุกชิ้นจะต้องออกแบบด้วยความแม่นยำและเที่ยงตรง 

อย่างในเวอร์ชั่นล่าสุดนี้ ความท้าทายหลักอยู่ที่จะจัดวางตูร์บิญองที่เพิ่มเข้ามาได้อย่างไร ในคอนดิชั่นพื้นที่จำกัดเท่าเดิม ซึ่งเต็มไปด้วยชิ้นส่วนต่างๆ มากมาย จากจุดเริ่มต้นดังกล่าว เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งใน La Côte-aux-Fées และ เจนีวา
จึงเริ่มค้นหาคำตอบร่วมกัน แต่ละคนต่างใช้พรสวรรค์ทั้งหมดที่ตนมีในการหาข้อโต้แย้ง ไปจนถึงทำการทดสอบนับครั้งไม่ถ้วน เพื่อพัฒนาทุกองค์ประกอบให้สมบูรณ์แบบที่สุด และนี่เป็นวิถีที่เพียเจต์ดำเนินเสมอมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน – ซึ่งกว่าจะหล่อหลอมออกมาเป็นโครงสร้างในขั้นตอนสุดท้ายได้ เมซงถอดรหัสชิ้นส่วนทีละชิ้น อาทิ cage ที่เป็นพาร์ทสำคัญของตูร์บิญอง ถูกนำมาทดสอบมากกว่า 70 เวอร์ชั่น, anchor 15 เวอร์ชั่น และ กรอบตัวเรือน อีก 30 เวอร์ชั่น

เพียเจต์เดินเกมต่อยอดโดยอาศัยความเชี่ยวชาญและนวัตกรรมบางเฉียบที่ตนพัฒนาขึ้น ด้วยการผสมผสานฟังก์ชั่น
ต่าง ๆ เข้าไปในตัวเรือน ดังที่เคยปรากฎในเรือนเวลารุ่นก่อนมาแล้ว อย่าง คาลิเบอร์ 670P ที่เปิดตัวด้วยความหนาเพียง 4.6 มม. และบรรจุในตัวเรือนที่มีความหนา 7.35 มม. มาพร้อมฟลายอิ้ง ตูร์บิญอง ที่บางเป็นพิเศษเพื่อให้รับกับพื้นที่จำกัดที่สูงเพียง 1.49 มม. เท่านั้น โดยมีบริดจ์ที่ฐานด้านล่างรองรับไว้ ขณะที่บริดจ์ที่อยู่ทางด้านบนถูกลดทอนไปเพื่อให้รับกับความบางในภาพรวม – อย่างไรก็ตามแม้จะได้พื้นที่เพิ่มมาเพียง 0.01 มม. ก็ยังไม่เป็นไปตามเป้าสำหรับความ    ท้าทายในครั้งนี้ นี่คือเหตุผลว่าเพียเจต์ต้องก้าวออกจากกรอบเพื่อนำเสนอตูร์บิญองใหม่ให้แตกต่างไปจากเดิม

ไม่นาน ไอเดียใหม่ๆ ก็ถูกเปิดรับ โดยครั้งนี้ตูร์บิญองถูกออกแบบให้ยึดไว้กับวงแหวนของตัวมันเอง โดยมี ceramic ball bearing ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนรอบการหมุนใน 1 นาที ยึดขอบด้านนอกไว้อีกที วัสดุที่ใช้มักทำจากไทเทเนียม และสตีล – ต่อไปก็ถึงขั้นตอนสำรองพลัง เพื่อการทำงานของตูร์บิญอง

 

VIRTUOSITY

Altiplano Ultimate Concept Tourbillon มาพร้อมกระปุกลานแบบสเกเลตัน ที่ถอดแบบมาจากสัญลักษณ์กากบาท หรือ cross-hair design บนพื้นหน้าปัดของนาฬิกา Altiplano ยุคก่อน ในแง่พลังงาน ตูร์บิญองเวอร์ชั่นใหม่นี้ ใช้พลังงานในการขับเคลื่อนกลไกจะสูงกว่า Altiplano Ultimate Concept ถึง 25%

นอกจากนี้ ยังสามารถสะสมพลังงานสำรองได้นานถึง 40 ชั่วโมง ผลลัพธ์ที่ไม่ธรรมดานี้เกิดจากโซลูชันที่แตกต่างกันสองแบบ – แบบแรกคือการใช้เมนสปริงที่ทำขึ้นใหม่โดยเฉพาะ ความหนาที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยส่งผลต่อการส่งมอบพลังงานที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อีกวิธี คือการใช้ ball bearing แทนเดือยในนาฬิกา เพื่อให้เกิดการหมุนได้อย่างเป็นอิสระ แรงเสียดทานลดลง ช่วยความบางในภาพรวมสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

ในแง่การดีไซน์ Altiplano Ultimate Concept Tourbillon คริสตัลแซฟไฟร์ยังถูกลดทอนความหนาออกให้เหมาะสมอีกด้วย โดยฝั่งกระจกหน้าปัด เหลือเพียง 0.2 มม. ขณะที่ด้านหลังหนา 0.16 มม. เท่านั้น

และด้วยความหนาของตัวเรือนเพียง 2 มม. จริงอยู่ที่ผู้สวมใส่อาจแทบจะไม่มีใครสังเกตเห็นดีเทลเหล่านี้ แต่สำหรับช่างซ่อมนาฬิกาแล้วมันกลับมีความสำคัญต่อพวกเขาอย่างมากและเป็นความท้าทายที่แท้จริง อย่าง วงขอบบาลานซ์วีล และคริสตัลแซฟไฟร์ มีความหนา 0.2 มม. เท่ากัน  ชิ้นส่วนเล็ก ๆ แต่ละชิ้นต้องอาศัยความเที่ยงตรงอย่างมากในการผลิต

ยิ่งไปกว่านั้นแต่ละชิ้นยังถูกตกแต่งอย่างพิถีพิถัน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งดีเทลที่แบรนด์มิได้ละเลย อาทิ จักร หรือ wheels ปัจจุบันเหลือเพียง 4 แขนเท่านั้น ต่างจากยุคก่อนที่มีถึง 6 อีกทั้งยังตกแต่งด้วยเพชร ขัดเงาและลบมุมด้วยมือ ซึ่งทีมช่างศิลป์ของแบรนด์ต้องทำด้วยความประณีตอย่างมาก เพราะขนาดที่ผิดเพียงน้อยนิดหรือรูปทรงที่เพี้ยนไป ก็อาจนำมาซึ่งความเสียหายอันใหญ่หลวงได้

แม้ความสำเร็จของ Altiplano Ultimate Concept Tourbillon ถูกรวบรวมไว้ในเอกสารเหล่านี้แล้ว แต่ความสำเร็จที่แท้จริงยังคงตราตรึงเหมือนตอน Altiplano Ultimate Concept สามารถส่งมอบเรือนเวลาสู่ผู้ใช้งานจริงได้ 

การได้สวมนาฬิกาที่มาพร้อมกับตูร์บิญอง ที่มีความหนาเพียง 2 มม. หรือเทียบเท่าความหนาของเหรียญ เป็นเรื่องที่เหลือเชื่ออย่างมาก นอกจากสัมผัสจะเบาแล้ว เมื่อมองจากด้านข้าง ก็แทบจะกลมกลืนไปกับข้อมือ ขณะที่ด้านหลังก็เผยให้เห็นการทำงานของกลไก ด้านหน้าเผยให้เห็นมิติของหน้าปัด ที่ไล่ระดับความลึกของชิ้นส่วนแต่ละชิ้นได้อย่างคาดไม่ถึง โดดเด่นด้วยการจับคู่สีน้ำเงินทอง ซึ่งเป็นสีที่สะท้อนถึงเพียเจต์อย่างเด่นชัด ส่งมอบความสง่างามในทุกมุมมอง Altiplano Ultimate Concept Tourbillon พร้อมแล้วที่จะเป็นไอเท็มชิ้นโปรดสำหรับสวมใส่ในชีวิตประจำวัน พร้อมแล้วที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับผู้พบเห็น ทั้งยังเป็นชิ้นงานที่ย้ำเตือนถึงประวัติศาสตร์อันยาวนาน การร่วมมือกันของหลายฝ่าย คำถามหลังจากนี้คือ ความท้าทายของเรือนเวลารุ่นต่อไปจะเป็นเช่นไร

 

PIAGET SIAM PARAGON Location:

991, Shop M44-45, M Floor, Rama 1 Road

10330 Bangkok Thailand

Tel: 02-483-4146 

To mark this special anniversary, Maison Piaget has performed an outstanding feat, a first in watchmaking history. 150 years after the Maison was first founded, 67 years after it invented its first ultra-thin calibre – the 9P – and 6 years after it revealed the thinnest watch in the world, the Altiplano Ultimate Concept, in 2018, Piaget has once again pushed the boundaries of horological ingenuity. Shaped by a quest for elegance and driven by inventiveness, this unrivalled timepiece boasts 2 mm, the same thinness as its predecessor. All the while, it shelters the beating heart of a flying tourbillon. A natural next step in the Maison’s journey, this invention is both a technical and emotional milestone.

The Altiplano Ultimate Concept Tourbillon is a paradox in and of itself. And yet, its dimensions, which truly stretch the limits of watchmaking feasibility, are a visual statement that can only begin to outline 150 years of human and horological history.

With a diameter of 41.5 mm, a guaranteed water resistance to a depth of 20 metres and a blue PVD-treated cobalt alloy case, the Altiplano Ultimate Concept Tourbillon appears to possess all the features of an everyday watch. However, its 2 mm thickness and its flying tourbillon 

take it to a different plane: that of the extraordinary. Set in circular motion by a bridge encircling it, the carriage of the Altiplano Ultimate Concept Tourbillon completely subverts the current state-of-the-art technical principles. The signature engraved on its back, next to a sapphire crystal placed under the tourbillon, sums up the process that has driven Piaget since its beginnings: “Always do better than necessary". This is a Maison whose culture is based on people, invention and collaboration. This spirit has led it to take on the challenge of barely believable thinness.

 

THE ATELIERS DE L’EXTRAORDINAIRE

The Altiplano Ultimate Concept Tourbillon is a mere 2 mm thick. Not a micron more. Its diameter is 41.5 mm. Not a millimeter more. And yet, it is able to cope with the 25% additional power required by the tourbillon.

These figures are not only a series of numbers. They stand for extraordinary victories achieved by Piaget. Behind this technical prowess, there lies a whole saga: a race against time conducted in secret inside the Piaget Manufacture in La Côte-aux-Fées. Three long years of work, doubt and self-questioning have marked the lives of everyone who took part in it.

The tourbillon complication has come to join the ranks of the great classics of watchmaking royalty. Here, it takes on a new dimension, both technical and poetic, remaining loyal to the Maison’s ancestral approach: technical achievements are but meant to serve the aesthetics of a watch. Extreme precision was this project’s guiding principle. Contrary to appearances, Piaget had to redesign 90% of the components of the original Altiplano Ultimate Concept- and even develop new machinery- to craft a watch as thin as its groundbreaking predecessor, with an added flying tourbillon. Inside the Altiplano Ultimate Concept Tourbillon, everything is new: its parts have been reinvented and redesigned, drawing on years of experience. “We did far more than merely add a tourbillon. We reinvented everything," explained Benjamin Comar, Piaget CEO.

 

LIFE FORCE

The Altiplano Ultimate Concept was the product of a collective endeavor lasting over six years, recognised by the prestigious Aiguille d’or at the 2020 Grand Prix d’Horlogerie de Genève. The series of challenges it posed, not to mention the solutions that had to be invented and reinvented to create it, may have appeared to be the last step in the Maison’s ultra-thin adventure.

However, from the moment the first timepieces were delivered, the team of watchmakers in Piaget’s historic Manufacture in La Côte-aux-Fées could not resist imagining what would come next. What could they do to surpass it? There was one complication, one that is not an extra indication, one that combines visual effect, movement and technical challenge, prized by watchmaking connoisseurs.

The momentum behind the design of the Altiplano Ultimate Concept Tourbillon was the same kind of energy that led to the creation of the thinnest manual winding caliber at that time, the 9P and 12P calibres, the Altiplano Ultimate (900P or 910P), and finally the Altiplano Ultimate Concept. The new idea still needed to be put into action. The question of how to achieve it had no simple answer. 

Thanks to a principle that has been tried and tested since the invention of calibre 900P, there is no distinction between the movement and the case. To gain precious space and achieve ultra-thinness, the case back also serves as the movement mainplate. Its exterior side is in contact with the skin. The case is made from a deep blue treated cobalt alloy, which offers the best thinness to hardness ratio. The crown, integrated into the case band, is pulled out and operated using a dedicated tool. This tool is a stylus containing a gear reduction and torque control system, breathing new life into the barrel.

 

REVOLUTION

The position of the watch components was maintained. The dial displaying the hours and minutes is still slightly off-centre, as it was on its predecessor. The tourbillon is located at 10 o’clock, with a seconds indicator engraved on the tourbillon ring. The most crucial constraint of all was thinness: a prerequisite, unchangeable and fundamental. All its parts had to fit within 2 mm.

Working with the same case height and components just as thin, the difficulty lay in how to insert a tourbillon when the space inside the watch was already full. From there, cogs started turning in the minds of watchmakers in La Côte-aux-Fées and Geneva. Pencil and paper, memory and culture, open-mindedness and watchmaking expertise: they drew upon all their talents. This process was based on a development approach that Piaget has always applied. It involves trying and testing ideas to retain them or discard them, then starting again, ceaselessly. That is how, after more than 70 versions of the cage, 15 versions of the anchor and 30 versions of the case frame, the Altiplano Ultimate Concept Tourbillon acquired its final structure. Piaget capitalised on its expertise with ultra-thin technology, especially drawing on its ultra-thin, 4.6 mm 670P tourbillon calibre, which fit inside a case 7.35 mm thick. Its flying tourbillon fit into a space that was a mere 1.49 mm in height. With no upper bridge, it was only held in place by its underside. However, by gaining a few hundredths of millimetres here and there, the Manufacture in La Côte-aux-Fées was still falling short of the mark. Piaget needed to completely re-imagine the tourbillon.

Soon, a new idea was set in motion. The tourbillon would be held in place by its perimeter. The Altiplano Ultimate Concept Tourbillon is a tourbillon. Its outer edge is held in place by a ceramic ball bearing, which drives its one-minute rotation. It is mainly made of titanium, and steel where possible. Next, it was time to supply it with power.

 

VIRTUOSITY

The Altiplano Ultimate Concept Tourbillon relies on a unique skeletonised barrel, which replicates the cross-hair design of the original Altiplano. However, a tourbillon’s energy consumption is higher than that of a movement with a fixed regulator, around 25% higher than the Altiplano Ultimate Concept.

Furthermore, the Altiplano Ultimate Concept Tourbillon is able to offer a power reserve of around 40 hours. The extraordinary result stems from two different solutions. The first was the decision to use a made-to-measure mainspring, reworked based on its most force-bearing factor. The thickness of the blade was slightly increased to deliver the additional energy required. The second solution was the almost systematic use of ball bearings instead of pivots. By making it easier for the mobile elements to rotate, Piaget decreased friction, allowing the watchmakers to achieve an even thinner result. In designing the Altiplano Ultimate Concept Tourbillon, innovation also meant optimizing the thickness of the sapphire crystal, reduced to 0.20 mm dial-side and 0.16 mm back-side. When a watch is 2 mm thin, all the rules change. This fact will barely be noticed by its wearer, but it is vitally important to watchmakers. The machining tolerance of miniaturised parts is a true challenge. With the balance wheel rim and the sapphire crystal both being 0.2 mm thick, the machines that craft them have to work to an accuracy of around 2 microns, that is two thousandths of a millimetre. This is even more crucial as the parts also undergo a series of processes to decorate their surfaces after manufacture. For example, the wheels, now made with four arms instead of the six previously used, are diamond polished and chamfered by hand. That decoration cannot be allowed to deform them. The Altiplano Ultimate Concept Tourbillon could be described as the sum of these technical feats. But the true feat remains the same as the Altiplano ultimate Concept’s: it is the effect that it creates. Putting on a watch fitted with a tourbillon that is a mere 2 mm thick, and therefore as thin as a coin, is a surprising experience but also a comfortable one. Seen from the side, it almost vanishes. From the back, it surprises the wearer with its striking opening.

From the front, it shows remarkable depth, a potential for self-expression that the wearer never could have imagined. Day to day, it can either go unnoticed or make a statement. It showcases its profoundly elegant character with a play of colours that is intensely Piaget, pairing blue with gold. This elegance is, more than anything else, the feature that Piaget constantly strives to achieve, placing it at the very heart of its DNA. Altiplano Ultimate Concept Tourbillon is made to be worn. To be looked at. To remind its owner of the long history of the people and the Manufacture that made it. And finally, to make them wonder what challenges Maison Piaget will set itself next.

Share on

Published 10th April 2024
×